นางสุพรรณมัจฉา
เรื่องของนางสุพรรณมัจฉา
ผู้เข้าชมรวม
1,644
ผู้เข้าชมเดือนนี้
19
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
นางสุพรรณมัจฉา เป็นธิดาของทศกัณฐ์กับนางปลา เป็นพี่น้องร่วมบิดากับนางสีดา ถึงแม้นางจะเป็นถึงธิดาของเจ้าผู้ครองกรุงลงกา แต่เจ้าหญิงองค์นี้ ก็ไม่มีโอกาสจะอยู่ในเวียนวังดังผู้อื่น เพราะนางอยู่ได้เฉพาะแต่ในน้ำ ดังนั้นที่อยู่ของนางจึงอยู่กลางทะเลใหญ่
หลังจากแผน "นางลอย" ของทศกัณฐ์ล้มเหลว กองทัพวานรของพระรามก็ได้เคลื่อนพลตรงมาอย่างรวดเร็วจนถึงฝั่งทะเล และถมหินเป็นเส้นทางใหญ่ ตัดผ่านห้วยน้ำมุ่งหน้าข้ามสู่ฝั่งลงกาอย่างขมีขมัน ข่าวจากแนวหน้าชิ้นนี้ทำให้ทศกัณฐ์เริ่มวิตกคิดหาทางสกัดกองกำลังของพระรามไม่ให้เข้าประชิดกรุงลงกาได้วิธีหนึ่ง...นั้นก็คือ หวังยืมมือของนางสุพรรณมัจฉาผู้เป็นธิดาให้ออกคำสั่งใช้เหล่าปลาทั้งหลายในทะเลอันเป็นบริวารของนางทำลายการจองถนนของบรรดาวานรเสีย
เมื่อตกลงใจได้มั่นเหมาะแล้ว ทศกัณฐ์ก็เรียกนางสุพรรณมัจฉาเข้าเฝ้า มอบหมายหน้าที่นี้ให้แก่ธิดาครึ่งปลาทันที นางสุพรรณมัจฉาพอได้รับคำสั่งของบิดา นางก็เร่งปฏิบัติตาม พาเหล่าบริวารปลาใหญ่เล็กทั้งหลายแหล่ของนาง ไปยังบริเวณที่พลพรรควานรขนหินถมลงในน้ำจนเริ่มปรากฏเป็นเส้นทางแล้ว สั่งให้บรรดาปลาในน้ำลอบคาบก้อนหินไปทิ้งยังอ่าวลึก สุครีพผู้ควบคุมพลวานรจองถนนยิ่งดูก็ยิ่งสงสัย เพราะเห็นหินที่ถมลงไปลัวมากมายก่ายกอง ลดน้องลงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ จึงปรึกษากับหนุมาน หนุมานเห็นจริงตามคำน้าชายว่า ก็อาสาจะลงไปดูลาดเลาในน้ำเอง จึงได้พบสาเหตุที่ทำให้ถนนทรุดลงเรื่อย ๆ ด้วยความโกรธ หนุมานชักตรีออกมาไล่ฆ่าฟันพวกปลาเสียมากต่อมา นางสุพรรณมัจฉาและเห็นเข้า ก็ว่ายหนีเข้าไปปะปนกับฝูงปลาอื่น ๆ เพราะความกลัว แต่ก็ยังไม่อาจหนีพ้น ถูกหนุมานตามทัน จับตัวไว้ได้ หนุมานที่กำลังโมโหพอจับตัวการใหญ่ได้ก็ตวาดถามด้วยโทสะ ทำให้นางนางสุพรรณมัจฉาที่กลัวลานอยู่แล้วยิ่งสั่นหนักเข้าไปใหญ่ นางได้สารภาพทุกอย่างตามจริงไม่มีปิดบัง ทั้งสัญญาจะขนหินมาคืนให้ เพียงวิงวอนหนุมานให้ไว้ชีวิตนางเท่านั้น หนุมานที่หูได้ยินเสียงวิงวอนหวาน ๆ ตาได้เห็นรูปโฉมสวย ๆ อารมณ์บูดจึงหายไปกว่าครึ่งแล้ว สิ่งเกิดขึ้นแทนที่คือ... ความเจ้าชู้ วานรทหารเอกของพระราม เลยแสดงบทบาทเกี้ยวพาราสีสาวสวยลูกครึ่ง (ครึ่งยักษ์ครึ่งปลา) อย่างไว้ฝีมือ จนนางสุพรรณมัจฉามีความหลงใหลหนุมานยิ่งนัก... นับว่า ‘ความรัก ไม่มีพรมแดน’ ได้จริง ๆ แล้วหนุมานก็เกลี้ยกกล่อมให้นางสุพรรณมัจฉาให้เรียกบริวารปลาของนางไปขนหินกลับคืนมาช่วยกันทั้งบนบกและในน้ำ จนกระทั่งถนนสายสู่ลงกาสำเร็จด้วยดี จึงลาจากนาง กลับกองทัพไป รายงานผล หลังจากนุมานผละจากไปแล้ว นางสุพรรณมัจฉาก็เริ่มได้คิด นางไม่เพียงไม่อาจทำตามคำสั่งพระบิดาทำลายถนนทิ้งเท่านั้น ซ้ำร้ายยังมีส่วนช่วยสร้างถนนสายนี้ด้วย โทษแค่นี้ก็ถึงประหารแล้ว อย่าว่าแต่นางยังไปมีสัมพันธ์สวาทกับหนุมานทหารเอกของฝ่ายข้าศึก จนกำลังมีครรภ์เข้าอีก ยิ่งเป็นเหตุให้นางไม่กล้ากลับไปพบหน้าพระยายักษ์ทศกัณฐ์ ด้วยเหตุผลที่มีอันตรายรายล้อมรอบด้านนางสุพรรณมัจฉาจึงได้ตัดสินใจจะหาสถานที่เร้นลับซักแห่ง แอบสำรอกบุตรในท้องของนางไว้ นางหาได้เนินทรายชายหาดที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง จึงอธิษฐานต่อบรรดาเทพยดานางฟ้าให้ช่วยนางและบุตรด้วย เทวดานางฟ้าจึงได้พากันมาแสดงตนให้นางได้เห็นตามคำอธิษฐาน และอำนวยพรให้ พอถึงฤกษ์ดี นางก็สำรอกบุตรออกมาได้อย่างง่ายดาย บุตรของนางสุพรรณมัจฉาเป็นชายผิวขาวผ่องกายเหมือนหนุมานไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย แถมมีหางเป็นปลา และพอเกิดก็ดูเติบใหญ่ราวอายุได้ 16 ปี (น่าจะนับว่าเป็นโชคดี ที่โอรสของนางดูเป็นแค่ครึ่งปลาครึ่งลิงเท่านั้น หากมีลักษณะครึ่งยักษ์ของทศกัณฐ์ผู้เป็นตาปนเข้าไปด้วย คงยิ่งดูนุงนัง กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่หาคำบรรยายไม่ค่อยถูกเลยที่เดียว) เหล่าเทวดานางฟ้าที่มาช่วยจึงตั้งชื่อให้ว่ามัจฉานุแล้วพากันกลับวิมานไป นางสุพรรณมัจฉายิ่งชื่นชมบุตรของนางได้เพียงครู่เท่านั้น ก็ต้องจากไปเช่นกัน นางจึงบอกเล่าชาติกำเนิดแก่มัจฉานุว่า บิดาของมัจฉานุ ชื่อ หนุมาน เป็นทหารของพระราม จุดสังเกตคือ หนุมานมีมาลัยกุณฑล ขนแก้ว เขี้ยวเพชร เหาะเหินได้ และสามารถหาวเป็นดาวเป็นเดือน แล้วนางสุพรรณมัจฉาก็ลาจากลูกชายแหวกว่ายไปในทะเลใหญ่ เพื่อหาทางหลบซ่อนจากพระอาญาของทศกัณฐ์พระบิดาของนางเอง ทิ้งมัจฉานุไว้ตามลำพังบนเนินทรายนั้น บังเอิญไมยราพเจ้าเมืองบาดาลประพาสป่าผ่านมาพบเข้า รู้สึกถูกชะตายิ่ง จึงรับมัจฉานุไว้เป็นบุตรบุญธรรม ขุดสระใหญ่ให้เป็นด่านหน้าเมืองบาดาล ส่วนทศกัณฐ์ที่เสียท่าในการศึกหลายหนได้ของความช่วยเหลือจากไมยราพที่เป็นพันธมิตรของลงกา ไมยราพเห็นแก่ความเป็นมิตร รับอาสาช่วยเหลือทศกัณฐ์ ด้วยการสะกดทัพวานรลักตัวพระรามไปกักไว้ในบาดาล พิเภกและพระลักษณ์ที่กลังเศร้าโศกต่อการหายสาบสูญไปของพระเชษฐาว่าให้ส่งหนุมานตามไปช่วย หนุมานจึงติดตามมาถึงด่านหน้าเมืองบาดาลที่มัจฉานุอาศัยอยู่ สองพ่อลูกจึงเกิดสู้รบกันขึ้น แต่ต่างไม่สามารถเอาชนะกันและกันได้ ทำให้หนุมานสงสัยยิ่ง จึงสอบถามถึงเผ่าพงศ์ของมัจฉานุ ซึ่งมัจฉานุเองก็อดแคลงใจไม่ได้เหมือนกัน ที่คู่ต่อสู้ทำไมจึงมีหน้าตารูปกายคล้ายกับตนนัก จึงตอบตามสัตย์ว่า เป็นบุตรของพระนางสุพรรณมัจฉากับหนุมาน หนุมานรู้ก็ยินดียิ่ง แนะนำตัวเองต่อมัจฉานุว่าเป็นบิดา แต่มัจฉานุต้องการข้อยืนยัน หนุมานจึงเหาะขึ้นไปบนอากาศ และหาวเป็นดาวเป็นเดือนให้ดู มัจฉานุค่อยเชื่อว่าคือบิดา พอสองพ่อลูกได้รู้จักกันแล้ว สภาพการเป็นศัตรูก็เสื่อมสลายไป มัจฉานุยอมให้หนุมานผ่านด่านของตนลงสู่บาดาลไปช่วยเหลือพระรามโดยสะดวก เมื่อฝ่ายวานรช่วยเหลือพระรามออกไปจากบาดาลได้ และไมยราพพลาดท่าตายในที่รบและหนุมานก็มอบเมืองบาดาลให้ไวยวิก พระญาติผู้หนึ่งของไมยราพครอบครองต่อไป โดยมีมัจฉานุเป็นพระมหาอุปราช ก่อนจะกลับกองทัพวานรไปทำศึกสงครามต่อ ไวยวิกกับมัจฉานุที่ครอบครองเมืองบาดาลอย่างเป็นสุขมาตลอด วันหนึ่งเกิดอยากเข้าเฝ้าพระราม จึงจัดทัพเดินทางไปกรุงอยุธยา บังเอิญพบกับทัพท้าวชมพูเข้าที่หน้าเมืองอยุธยา สองทัพเกิดเข้าใจผิด จึงสู้รบกันเองซะอุตลุดวุ่นวาย พระรามได้ยินเสียงสู้รบกันดังสนั่น จึงให้หนุมานออกไปดู หนุมานเห็นเป็นพวกกันเองทั้งสองฝ่าย ก็เลยรีบเข้าห้าม และพาทั้งหมดเข้าเฝ้าพระราม พระรามเห็นว่าหางปลาของมัจฉานุดูเกะกะร่ารำราญ หนุมานก็เลยฉวยโอกาสนี้ทูลของพระรามช่วยตัดหางมัจฉานุออก พระรามไม่ขัด ทรงใช้พระขรรค์โมลีตัดหางปลาออกไปจากกายมัจฉานุด้วยความฉับไวแม่นยำทำให้มัจฉานุไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างไร ยังความยินดีแก่มัจฉานุยิ่งที่ไม่ต้องมีสภาพครึ่งปลาอีกต่อไป แต่โชคดีของมัจฉานุยังไม่หมดแค่นั้น พระรามยังทรงโปรดแต่งตั้งให้เป็นพระยาหนุราชไปครองเมืองมลิวัน มัจฉานุบุตรของนางสุพรรณมัจฉาเองนั้น ยังคงเวียนว่ายท่องเที่ยวไปในทะเลกว้างตามความเคยชิน นี่คือ ชีวิตรูปแบบหนึ่งของนางในวรรณคดีผู้มีเชื้อสายครึ่งยักษ์ครึ่งปลา และมีความงดงามคมซึ้งไม่ด้วยกว่าเทพธิดาบนสรวงสวรรค์... สุพรรณมัจฉา
ผลงานอื่นๆ ของ Otori Kikirin ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Otori Kikirin
ความคิดเห็น